เข้าอาศรมฟังเลคเชอร์ (และฟังธรรม)

ช่วงนี้พยายามแบ่งเวลากลับไปเรียนที่ศูนย์หฐราชาโยคาศรมค่ะ จริงๆ ตลอดสิบสองปีที่รู้จักอาจารย์มากวางแทบไม่เคยหยุดเรียนเลย จะต้องมีต่อคอร์สอะไรบางอย่างไว้เรียนเสมอ ไม่เคยคิดจริงจังเหมือนกันว่าทำไม มีคนเคยทักว่าเรียนอะไรตั้งสิบสองปี เค้ากั๊กความรู้หรือเปล่า เราก็ อาฮะ ถ้าสิ่งที่เรียนมันซ้ำกันก็คงจะดี แต่นี่เรียนมาสิบสองปียังเจอเรื่องใหม่ๆ อยู่เลย แถมสนุกทุกอย่างที่เรียนนี่สิ ก็คงจะไม่ใช่แล้วหละ

ทุกวันนี้ก็ยังมีอีกหลายคลาสที่อยากเรียนกับท่าน ก็รอเวลา ขัดเกลาตัวเองไป ฝึกฝนพัฒนาตัวเองไป เมื่อถึงเวลา ศิษย์พร้อม อาจารย์พร้อม สิ่งเหล่านั้นก็คงจะเกิดขึ้นเอง เหมือนที่ผ่านๆ มา

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้ไปนั่งฟังคลาสเลคเชอร์ของโยคาจารย์รุ่นที่ 30 (กวางรุ่น 18 ค่ะ แม่เจ้า เวลาช่างผ่านไปไว) ซึ่งการเรียนคอร์สโยคาจารย์ของที่นี่ข้อดีอีกอย่างนึงคือ เมื่อเราเรียนจบแล้ว เราสามารถกลับไปนั่งฟังเลคเชอร์กับรุ่นน้องได้ตลอดชีวิต คือชอบมาก ใช้สิทธิ์ข้อนี้คุ้มที่สุดในโลก ปีนี้ก็อีกเช่นเคยค่ะ ขอกลับไปนั่งฟังด้วย

เหตุผลที่กวางชอบเพราะสำหรับกวาง อาจารย์ไม่ได้เป็นแค่ครูสอนโยคะ แต่อาจารย์เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งพระอาจารย์ คืออาจารย์มีศักดิ์ทั้งทางโลกและทางธรรม และท่านผ่านชีวิตมามากทำให้คำสอนของท่านฟังแล้วเข้าใจง่าย เข้าถึงและปรับใช้กับชีวิตของเราได้จริง สำหรับกวางการไปฟังเลคเชอร์โยคะทุกครั้งเลยให้อารมณ์กึ่งๆ การไปฟังธรรม และการไปเรียนรู้ปรัชญาการใช้ชีวิตจากผู้ใหญ่ที่กวางเคารพรักท่านนึง

คนแบบอาจารย์กวางพูดกับคนที่ได้เจอและสนใจเรียนคลาสโยคาจารย์เสมอว่าทั้งชีวิตกวางไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็นมาก่อน เจอคนแรก และคนเดียวคือท่านนี่แหละ เพราะมันยากที่คนๆ นึงจะมีโอกาสได้ศึกษาทั้งศาสตร์ทางโลกในระดับสูง และได้รับโอกาสให้เข้าไปอยู่ในอาศรมในฐานะนักบวชด้วยเป็นเวลา 12 ปี (ท่านอยู่ที่อินเดียทั้งหมด 15 ปี) มันไม่ใช่ของที่มีเงินแล้วจะซื้อโอกาสพวกนี้ได้ ดังนั้นช่วงเวลาของการเรียนอยู่กับท่านคือช่วงเวลาที่กวางอยากเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุดในชีวิตนี้

ตลอดสิบสองปีที่เรียนกับท่านมา ท่านเห็นเรามาตลอดจากเด็กหน้าห้องตัวเหลืองๆ เด็กไร้มารยาทพูดจาไม่ค่อยมีหางเสียง มั่นใจในตัวเองแปลกๆ เด็กที่เครียด อ่อนไหวง่าย ทุกช่วงเวลาหลายครั้งกวางได้มีโอกาสเข้าไปปรึกษา บอกเล่า ปรับทุกข์กับท่าน แต่หลักๆ คือได้เรียน ได้ฝึกฝน และพัฒนาขัดเกลาตัวเองตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับท่าน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากวางได้รับแต่ความเมตตา ได้รับโอกาสที่จะเติบโตเป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น พัฒนาขึ้นทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

กวางเติบโตและข้ามผ่านตัวตนแบบนั้นมาได้ เป็นตัวเราที่ดีขึ้นได้ก็เพราะเรามีท่านเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเราเสมอมา

ร่ายมาซะยาว ที่อยากจะบอกคือเมื่อวานไปนั่งฟังท่านสอนมา แล้วคิดว่ามีประโยชน์และน่าจะให้แง่คิดที่ดีกับคนอื่นๆ ได้เลยอยากจะเอามาแบ่งปันค่ะ คำพูดนี้กวางคัดลอกมาจากส่วนหนึ่งของคลาสโยคาจารย์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา (บางอย่างในคลาสมาจากพื้นฐานแนวคิดในฐานะหมอ และปรัชญาฮินดูพุทธที่ท่านได้ศึกษามาค่ะ)

“ทุกคนน่ะมีกำหนดมาแล้วว่าจะไปเมื่อไหร่ อยู่ถึงเมื่อไหร่ แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะไปเมื่อไหร่ อยู่เมื่อไหร่ แต่สำคัญว่าช่วงที่เรามีชีวิตอยู่น่ะ เราอยู่ให้มันดีก็แล้วกัน อย่าให้สุขภาพมันเจ็บป่วย (จะอยู่ถึง) อายุ 90 ปี 100 ปี หรือ 60 70 ปีก็ตาม แต่เราต้องอยู่อย่างมีคุณภาพ อยู่อย่างแข็งแรง อยู่อย่างไม่เป็นภาระกับใคร”

“อยู่อย่างสมาร์ท อยู่อย่างไม่เป็นภาระให้ใคร อายุ 70 80 ปียังไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ได้โดยไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน พวกนี้แหละคือสำคัญที่สุด ไม่ใช่ออดๆ แอดๆ สามวันดีสี่วันไข้ ร่ำรวยแต่นอนพะงาบๆ อยู่บนเตียงทองคำ มันจะไปมีประโยชน์อะไร ฉะนั้นมีชีวิตที่มีคุณภาพ มีชีวิตที่ไม่เป็นภาระกับใคร เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ”

“ดังนั้นการที่เราจะมีชีวิตแบบนี้ได้เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่ออายุขนาดนี้แล้วเราป่วยขนาดนี้ แล้วเมื่ออายุมันมากขึ้นเราคิดว่าเราจะแข็งแรงกว่านี้หรอ เป็นไปไม่ได้…”

“ดังนั้นต้องเตรียมตัวดูแลตัวเราตั้งแต่เนิ่นๆ แต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อว่าอายุ 70 80 เราจะอยู่อย่างแข็งแรง ไม่เป็นภาระกับใคร ดังนั้นต้องมีการเตรียมตัว เตรียมเรื่องอาหารการกิน เตรียมเรื่องความเข้าใจในเรื่องของอายุรเวท คือวิชาที่ดูแลตัวเรา ว่าเราต้องมีระเบียบมีวินัยในการดูแลตัวเรา โอเค (สัปดาห์ละ 2-5 วัน) วันละ 1 ชั่วโมงออกกำลังกายนะ ทานอาหารที่มันมีประโยชน์ พักผ่อนให้พอเพียง สนุกสนานเข้าสังคมกับเพื่อนฝูง สนุกกับงาน ทำในงานที่เราชอบ คือกรรมโยคะเนี่ย คือทำงานหรือทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามให้มีความสุข”

“ดังนั้นเมื่อเราถูกมอบหมายให้ทำงานเนี่ย เราก็ต้องทำอย่างมีความสุข เพราะเราทำอย่างมีความทุกข์มันก็ไม่ได้ช่วยให้งานมันเสร็จ ฉะนั้นเมื่อเราปฏิเสธและเลือกไม่ได้ก็ทำให้มันมีความสุข ถ้าเข้าใจในเรื่องของกรรมโยคะก็จะเข้าใจในเรื่องของการปฏิบัติธรรม คือ ทำงานให้มีความสุขเพราะงานใดๆ ก็ตามมันเป็นหน้าที่มันปฏิเสธไม่ได้ เมื่อมันปฏิเสธไม่ได้มันอยู่ที่ใจของคุณแล้ว จะทำให้มันสุขหรือมันทุกข์ล่ะ แต่ถ้าทำอย่างมีความสุขมันก็ไม่เครียด ไม่กดดัน แต่เราไปดื้อแพ่งดื้ออะไร เรายังไง๊ก็ต้องทำ เข้าใจใช่มั้ย”

“เหมือนเราไม่ชอบเลยพรุ่งนี้ๆ ไม่ชอบ ยังไงก็ต้องถึงพรุ่งนี้ แต่พรุ่งนี้เราก็ไปไม่ถึงซะที คือบางอย่างเราปฏิเสธไม่ได้… เราเกิดมาตู้มเดียวเนี่ย เหมือนเมล็ดพันธุ์เมล็ดพืชเนี่ยมันเกิดมาพร้อมกัน อดีต ปัจจุบัน อนาคตมันเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่มันค่อยๆ เดินทาง มันมีเวลา ไทม์มิ่ง มีมิติของกาลเวลากำหนดให้เราค่อยๆ ไป มันค่อยๆ เดินทาง มันค่อยๆ เจริญเติบโต ต้องใช้ระยะเวลา จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นพร้อมกัน”

สุขสันต์วันหยุดค่ะ เพิ่งพาเพื่อนคนญี่ปุ่นไปเที่ยวจันบุรีมา ไอเลิฟจันทบุรี ♥️

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top
Scroll to Top