อะไรที่ทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวาที่สุด

เมื่อวานนั่งเล่นเกมถาม-ตอบที่ไปเจอจากในเน็ตกับแฟน ของแฟนตอบว่ารู้สึกมีชีวิตชีวาตอนได้ปั่นจักรยาน ส่วนของเราพอนั่งนึกดีๆ ก็รู้สึกว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ได้ฝึกโยคะกับอาจารย์ของตัวเอง

แล้วพอนั่งนึกดีๆ อีกรอบว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นก็ค้นพบว่า เออแฮะ อาจารย์สอนโยคะไม่เหมือนชาวบ้านจริงๆ

มันใช้เวลานานพอสมควร (12 ปี โอ้มายก๊อด) กว่าเราจะตกผลึกกับตัวเองว่ารูปแบบโยคะที่เราชอบจริงๆ อยากทำไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตจริงๆ คือแบบไหน

ตอนที่ฝึกโยคะกับอาจารย์สิ่งที่รู้สึกคือ รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเวลาที่เรากินข้าว เวลาที่เราอาบน้ำ รู้สึกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลยหลังการฝึกจบลง แต่รับรู้ได้ว่าจิตใจมีพลังมากขึ้น ร่างกายมีพลังและสดชื่นมากขึ้น แล้วระหว่างที่ฝึกก็มีสติอยู่กับการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

เราเองทั้งๆ ที่ตลอด 12 ปีที่ผ่านมาก็พยายามไปเข้าคลาสกับอาจารย์ตลอด แต่ก็ไม่เคยนั่งนึกเหมือนกันว่าทำไมเราถึงพยายามขนาดนั้น ส่วนนึงอาจจะเพราะชอบ แต่ส่วนนึงจิตมันคงรับรู้ได้ เหมือนเวลาที่เราพาตัวเองไปอยู่ใกล้คนที่ร่มเย็นแล้วจิตใจเราเกิดความร่มเย็นตามไปด้วย มันเลยอยากที่จะกลับไปสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นบ่อยๆ

พอมานั่งนึกย้อนดีๆ เราขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้ย้ายกลับมาสอนโยคะที่ต่างจังหวัด เพราะเรารู้สึกว่าในพื้นที่เล็กๆ นี้ของเรามันเอื้อให้เราสามารถเป็นตัวเองและค้นพบตัวเองได้ง่ายขึ้นกว่าการอยู่ในเมืองใหญ่

การเจอกลุ่มนักเรียนที่ตามใจเรา ไม่เรียกร้องมากมายจนเกินไป ทำให้เราได้มีเวลาค่อยๆ ค้นหาและค้นพบรูปแบบการสอนที่ในท้ายที่สุด “พอดี” กับตัวเราทั้งหมด

จริงอยู่ว่าถ้าฝึกแบบที่อาจารย์สอนทุกวันก็คงจะเบื่อ เพราะอาจารย์เองก็ไม่ได้สอนแต่แบบนั้นทุกวัน อาจารย์ยังสอนอีกประมาณยี่สิบกว่าแบบ แต่ในทั้งหมดเหล่านั้นเราว่าเราใช้เวลานานมากกว่าจะคัดเลือกออกมาได้ว่าแบบไหนที่เราชอบ อยากสอน และอยากพัฒนาต่อ

สุดท้ายเราเหลือ บอลโยคะ เวทโยคะ โยคะทูนหม้อ วินยาสะโยคะ(ผสมท่ายากแบบสายตะวันตก) วินยาสะโยคะแบบดั้งเดิม(เพื่อจิตและสมาธิ) ปราณยมะ(ที่ยังต้องศึกษาและพัฒนาอีกเยอะ) แล้วก็คลาสอื่นๆ ที่อยากพัฒนาเป็นการส่วนตัวอย่างคีตะลีลา

“ตายก็ฝัง ยังก็ฝึก”

คำที่เราได้ยินตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าๆ เราว่าวันนี้ในวัยสามสิบปลายๆ เราเข้าใจมันลึกซึ้งมากขึ้น สำหรับเราในการฝึกโยคะมันไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา ไม่มีอะไรที่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ มันเพียงเป็นความธรรมดา เพียงทำไปเรื่อยๆ ต่อเนื่อง เราเองอยากมีชีวิตอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ เรารักวิถีชีวิตแบบนี้ ซึ่งเราก็ตั้งใจว่าจะพยายาม พยายามพัฒนาการฝึกของตัวเอง พยายามมีวินัยในการเปิดสตูให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

เพราะวันนี้เราเลือกที่จะมาอยู่ในฐานะของผู้สอนไม่ใช่แค่ผู้ฝึก จริงๆ ถ้าอาจารย์ยังอยู่ใกล้ๆ วันนั้นเราอาจจะเลือกที่จะเป็นผู้ฝึกตลอดไปมากกว่า เพราะสนุกและสบายกว่าเยอะ แต่ในเมื่อเหตุปัจจัยมันมาแบบนี้เราก็ทำไป ยากหน่อยแต่ก็ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นเหมือนกัน

เป็นคน “ฮึบๆ” เก่ง ——— แต่ยังจัดการความเครียดและความโกรธไม่ค่อยเก่ง นี่ว่ากำลังจะไปซื้อกระสอบทรายมาติดบ้านไว้ (พูดจริง 55) คนอื่นเค้าเล่นเกมส์ เอาความเครียด ความโกรธไประบายในเกมส์ แต่นี่ไม่ชอบเกมส์ ใครมีวิธีอื่นแนะนำได้นะคะ อย่าบอกว่าปาจานนะคะ เปลือง ไม่เอา 555

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top
Scroll to Top