มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามวิทยาศาสตร์ที่ออกมาใหม่ แต่ถ้าเราฝึกโยคะเพื่อ serve จิต แนวทางที่ถูกต้องจะค่อยๆ แสดงตัวออกมาเอง
serve จิตคือยังไง?
ครูโยคะต้องทำใจว่าง เน้นการจัดท่าแค่จุดสำคัญที่จะทำให้เค้าไม่บาดเจ็บ และปล่อยให้เค้าได้อยู่กับตัวเค้าเอง ช่วงเวลาที่เค้าได้อยู่กับตัวเอง เค้าจะได้เห็นกายเห็นใจของตัวเองชัดขึ้น เห็นความทุรนทุราย เห็นความเอื่อยเฉื่อย เราอาจจะมีเน้นบ้างว่าใครไปต่อได้ให้หายใจเข้า แล้วยืดอกยืดคางไปทางด้านหน้าอีก (วีธีนี้จะช่วยให้เค้าจินตนาการยืดหลังได้ดี) แต่สำหรับใครที่อยากอยู่ ณ จุดนั้นเราก็เคารพการเลือกของเค้า
โยคะไม่ใช่อะไรที่สามารถเอาไม้บรรทัดมาวัดเป๊ะๆ ได้ เพราะโยคะแท้จริงแล้วอยู่ข้างในตัวเรา อยู่รอบๆ ตัวเรา อยู่ในทุกลมหายใจ อยู่ในสติทุกครั้งที่เรารู้สึกตัว หากเราไปเน้นร่างกายเสียมากเกินไป เราก็พลาดโอกาสที่จะได้รู้จักโยคะในมุมที่ลึกซึ้งขึ้น
เปิดใจ กล้าที่จะปล่อยมือ
บางทีมันเป็นความกลัว กลัวนักเรียนไปไม่ถูก กลัวนักเรียนได้ไม่เต็มที่ แต่สิ่งเหล่านี้มันจัดการได้ เราค่อยๆ guide เค้า ทุกๆ วันที่เค้าอยู่กับเราค่อยๆ ชี้นำให้เค้าเห็นทาง เพื่อที่เค้าจะได้เดินต่อไปเองได้หากไม่มีเราในวันข้างหน้า เชื่อในศักยภาพในการเรียนรู้ของเค้า พูดมาฟังเหมือนดูดีแต่กวางเองก็พยายามอยู่เหมือนกัน
แต่เพราะว่าถูกสอนมาแบบนี้ ถูกสอนแบบปล่อยหลงทางกลางป่าเหมือนเฮนเซลกับเกรเทล แล้วครูก็ทิ้งขนมปังให้เป็นระยะๆ ตามหัวโค้งที่สำคัญ ข้อสำคัญเลยคือเราเชื่อมั่นว่าครูยืนอยู่ตรงนั้น เราเลยไม่เคยกลัวที่จะออกเดินทาง เพราะทุกครั้งที่เราหลงทาง ครูก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและคอยเป็นคำตอบให้กับเราเสมอมา
มันทำได้จริง
กวางเห็นมาแล้วว่าคนที่เรียนในแนวทางแบบนี้ที่ครูชี้แนะแค่จุดสำคัญหลักๆ สุดท้ายแล้วเค้าไปได้เอง เค้าค้นพบหนทางที่ถูกต้อง ค้นพบ alignment ที่ถูกต้องได้ด้วยการเรียนรู้จักร่างกายของตัวเอง และจากคำชี้แนะของครูที่ใส่ให้เป็นระยะๆ
วิธีการแตกต่างกันแต่กลับให้ผลลัพย์ทางร่างกายที่เหมือนกัน แต่ผลทางจิตใจกวางเชื่อว่าวิธีนี้ได้มากกว่า เพราะสุดท้ายเค้าเดินมาได้ด้วยศักยภาพของตนเอง ศักยภาพข้างใน ความเข้าใจภายในของตัวเอง มันมีค่ามากกว่าเยอะ
กวางคิดว่าตัวเราเองก็คงไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ทำยังไงก็ได้ให้เค้าเรียนรู้ด้วยตัวเองให้มากที่สุดเพื่อที่เค้าจะได้พึ่งพาตัวเองต่อไปได้ในวันที่ไม่มีเรา
เพราะคิดแบบนั้น เพราะเชื่อแบบนั้น จึงสอนแบบนั้น
ใส่ความเห็น