เคยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นมันไม่ค่อยปกติและควรปรับปรุง เพราะเคยถามพี่บางคนที่สามารถสลับโหมดไปมาระหว่างการเป็นคนเก็บตัวและคนชอบเข้าสังคมได้ ก็เลยคิดว่าหรือเราต้องฝึกตัวเองให้เป็นแบบนั้นบ้าง
จนกระทั่งจับพลัดจับผลูมาตั้งชมรมหนังสือคิดดีบุ๊คคลับกับแฟน เริ่มจากแค่ความคิดที่ว่าคุยกันเรื่องเนิร์ดๆ อยู่สองคนเหง๊าเหงา อยากหาคนอื่นมาคุยด้วยจัง 555
ก็เลยเริ่มล่อลวงเพื่อนๆ ของฝั่งแฟนกวางบ้าง ฝั่งกวางบ้าง คนนั้นก็ไปชวนเพื่อนต่ออีก คนนี้ก็ไปชวนแฟนมา ต่อกันไปเรื่อยๆ เหมือนกับแชร์ลูกโซ่ จนตอนนี้สมาชิกในกลุ่มไลน์มีกว่าสามสิบคนแล้ว แต่มาจริงๆ หลักสิบหรือน้อยกว่าตลอด (คือไร? 55)
เราเอาหนังสือเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงพวกเราเข้าด้วยกัน กิจกรรมหลักของเราก็คือให้ทุกคนไปอ่านหนังสือกันมาคนละหนึ่งเล่มในแต่ละเดือน แล้วก็มาเล่าอะไรก็ได้เกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นให้เพื่อนๆ ฟัง
หลังจากครั้งแรกที่จัดเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว ก็รู้สึกเลยว่ากิจกรรมนี้มันมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป ทำไมเราชอบทั้งๆ ที่เราไม่ได้ชอบเข้าสังคม?
จนกระทั่งได้อ่านหนังสือเรื่อง “ฮุกกะ: ปรัชญาความสุขฉบับเดนมาร์ก” ที่สามารถให้นิยามของกิจกรรมแบบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด คือ กิจกรรมลักษณะนี้เป็นวิธีการเข้าสังคมที่ไม่ทำให้คนเก็บตัวรู้สึกเหนื่อยเกินไป เพราะคนเก็บตัวจริงๆ แล้วก็รู้จักการเข้าสังคมเพียงแต่มีวิธีการที่แตกต่างออกไป
ในกิจกรรมนี้ โดยที่ไม่รู้ตัว พวกเราได้สร้างเงื่อนไขที่ลงตัวสำหรับคนเก็บตัว คือการสร้างพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่เปี่ยมความหมาย
จากการรีวิวหนังสือแต่ละเล่มที่แต่ละคนอ่าน ทำให้เกิดบทสนทนาที่ต่อยอดมุมมองและความคิดของพวกเราออกไป ทำให้รู้จักรับฟังเรื่องราวต่างๆ ด้วยใจที่เปิดกว้าง รู้จักเสนอและรับความเห็นที่ปราศจากการตัดสินใดๆ (กลุ่มเราไม่ชอบดราม่า) มันเป็นกิจกรรมที่อยู่ตรงกลางระหว่างการเข้าสังคมและการพักผ่อนอย่างแท้จริง
แม้หนังสือแต่ละเล่มที่เอามาจะไม่ค่อยเบาเท่าไหร่เพราะขึ้นอยู่กับความสนใจของพวกเราแต่ละคน ซึ่งเอาจริงๆ ก็มีอาชีพที่โคตรหลากหลาย (บางคนยังไม่สามารถอธิบายให้เพื่อนเข้าใจได้เลยว่าจริงๆ แล้วทำอะไรอยู่)
เลยมีตั้งแต่ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา ธุรกิจ นิยาย วรรณกรรมทั่วไป วัฒนธรรม สังคม เรียกว่ามาทีไรก็เหมือนมาเข้าห้องเลคเชอร์ยังไงยังงั้น
แต่สำหรับพวกเราทุกคนนี่อาจจะเป็นชั่วโมงเลคเชอร์ที่บันเทิงที่สุดก็ว่าได้ เพราะเราได้ออกมาดูโลกกว้าง ที่กว้างกว่าชีวิตประจำวันที่เราเคยชิน กว้างกว่าความคิดความเข้าใจของเรา แล้วหลายๆ ครั้งมันก็ทำให้เราได้ย้อนกลับเข้ามาดูภายในตัวเองด้วย
ช่วงหลังๆ เพื่อนกลุ่มอื่นๆ รอบตัวกวางเองก็เริ่มมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์มากขึ้น อย่างเช่น นัดกันมาเล่นบอร์ดเกมเดือนละครั้ง นัดกันไปทำเซรามิก ทำให้ได้เจอกัน ได้ทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่มีความหมายและใช้เวลาร่วมกันจริงๆ
สำหรับคนเก็บตัวอย่างกวาง การทำบุ๊คคลับมาได้ถึงสองปีก็ทำให้ได้เจอเพื่อนที่เป็นคนแบบเดียวกัน ทำให้ไม่รู้สึกว่าเราไม่ปกติอีกต่อไป
เพราะจริงๆ แล้วเราก็แค่แตกต่าง และถ้าความแตกต่างนั้นจะเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ได้มารู้จักเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องกลุ่มนี้ กวางก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่เป็นคนแบบนี้ค่ะ ❤️
ปล. ความดีงามอีกอย่างหนึ่งของบุ๊คคลับคือ เหมือนมีคนมาช่วยเราคัดหนังสือ เพราะในชีวิตนึงเราคงอ่านหนังสือได้จำกัด การมีเพื่อนมาบอกต่อหนังสือเล่มที่ดีๆ และน่าสนใจก็ทำให้เราเสียเวลากับหนังสือที่ไม่ดีน้อยลง
สามารถเข้าไปดูรายชื่อหนังสือได้ที่ https://medium.com/kiddee กลุ่มเราป้ายยากันไปมาหลายรอบแล้วค่ะ
ใส่ความเห็น