ช่วงนี้เป็นช่วงที่กวางพยายามลดละการเสพสื่อออนไลน์ จะว่าไปกวางก็พยายามเลิกที่จะเสพติดมือถือมาสองปีแล้ว แต่ทุกครั้งก็ล้มเหลว กลับมาอยู่ในวังวนของยูทูป เฟซบุ๊ค อินสตาแกรมอยู่ร่ำไป จนตอนนี้ไม่ไหวแล้วอยากมีเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่านี้เพิ่มขึ้น เลยจะขอลองดูอีกสักตั้ง
คราวนี้ตั้งใจจริงจังด้วยการไปซื้อหนังสือเรื่องการลดละเลิกมือถือมาอ่าน หนังสือชื่อว่า Digital Minimalism ของ Cal Newport ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำให้กวางถึงบางอ้อว่าทำไมเราถึงเลิกติดมือถือไม่ได้ซะที
ในหนังสือเล่มนี้เค้าเล่าให้ฟังถึงความลับที่ช่วยให้บริษัทอย่างยูทูป เฟซบุ๊ค และอินสตาแกรมหลอกล่อให้คนใช้งานแอพพลิเคชันของเขาได้ทั้งวันทั้งคืน บริษัทพวกนี้เอาเทคนิคจากวิชาพฤติกรรมศาสตร์และจิตวิทยามาประยุกต์ใช้เพื่อทำให้เราอยู่ในแอพได้นานที่สุด เพราะยิ่งเราใช้โปรแกรมเขาเยอะเขาก็ยิ่งสร้างรายได้ได้เยอะ ซึ่งความรู้พวกนี้เค้าก็ศึกษากันจริงจังระดับมีห้องแล็บเลยทีเดียว
ทำให้รู้เลยว่าที่เราเลิกไม่ได้ไม่ใช่เพราะใจเราไม่แข็งพออย่างเดียว แต่นั่นเพราะเราตามไม่ทันเล่ห์กลที่เค้าใช้เลยทำให้วางแผนจัดการพฤติกรรมตัวเองได้ไม่ดีพอ
ตอนนี้กวางก็กำลังอยู่ในขั้นตอนดีท๊อกซ์เทคโนโลยีอยู่ มีหลายเทคนิคที่กำลังลองทำ ไว้ถ้าใครอยากรู้ว่าทำอะไรบ้างก็ส่งเสียงหน่อยนะคะ ถ้ามีคนอยากฟังหลายๆ คนก็จะหาโอกาสเขียนเล่าให้ฟังค่ะ
หนึ่งในวิธีที่กวางใช้แล้วชอบมากคือการใช้นาฬิกาปลุก
จริงๆ กวางใช้วิธีนี้มาก่อนที่จะอ่านหนังสือแล้วเพราะอยากมีนาฬิกาสักเรือนในห้องนอน ส่วนตัวกวางไม่ชอบนาฬิกาติดผนังเท่าไหร่เพราะตอนกลางคืนมันส่งเสียงดังติ๊กๆ ทำให้รู้สึกรำคาญเวลาจะนอน
คนสมัยนี้นิยมใช้มือถือแทนนาฬิกาปลุก แต่ถ้าเราตั้งปลุกด้วยมือถือแล้วละก็คนส่วนใหญ่คงอดไม่ได้ที่จะเปิดเข้าไปดูสิ่งต่างๆ ที่นอกเหนือจากการแค่ดูเวลา ทำให้ยามเช้านั้นหมดไปกับการเลื่อนดูนู่นนี่โดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้เวลาที่นั่งทำงานหรืออ่านหนังสือในห้อง ถ้าเราไม่มีนาฬิกาเราก็ต้องคอยเช็กเวลาจากมือถือ ซึ่งมันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีกี่ครั้งแล้วที่เราหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความตั้งใจว่าเราแค่จะดูเวลาแต่ผ่านไปยี่สิบนาทีเราก็ยังคงเล่นมือถืออยู่
นาฬิกาเรือนนี้กวางส่งไปซ่อมมาสองอาทิตย์เพราะอเล็กซ์ (แมวที่บ้าน) เข้ามาเล่นในห้องแล้วทำมันตกจากตู้ ตอนแรกนึกว่าต้องซื้อเครื่องใหม่เสียแล้ว กำลังลำบากเลยเพราะชอบเรือนนี้มาก สีและรูปทรงมันดูคลาสสิกแล้วเสียงปลุกก็เป็นเสียงนกร้องที่ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ พอได้ยินแล้วมันไม่ค่อยรำคาญหูดี
วันนี้ตั้งใจว่าถ้าซ่อมไม่ได้ก็จะซื้อเรือนใหม่แล้ว แต่โชคดีช่างซ่อมเสร็จพอดี ตอนที่ไปรับของช่างเล่าให้ฟังว่าบริษัทที่ผลิตนาฬิกาเรือนนี้เค้าเลิกผลิตไปแล้ว เดาเอาว่าการที่คนใช้มือถือแทนนาฬิกาปลุกคงส่งผลกระทบบ้างไม่มากก็น้อย ตอนที่ไปรับก็บอกช่างว่าอยากซื้อเก็บไว้อีกสักเรือน (เผื่อมันซ่อมไม่ได้) แต่ช่างก็บอกว่ามันไม่มีแล้ว แล้วก็ถามกลับมาว่านาฬิกาปลุกมันจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ ประมาณว่าใช้มือถือปลุกก็ได้นะ
ไม่ได้ตอบไปแต่ใจก็คิดนะว่า “ถ้าอยากเลิกปลุกด้วยมือถือมันก็จำเป็นน่ะค่ะ”
แต่เค้าคงไม่เข้าใจเราหรอก…