เป็นคำถามที่ครูสอนโยคะทุกคนต้องเคยได้ยิน และอาจจะเคยตอบกันไปต่างๆ นาๆ วันนี้กวางเลยไปหาข้อมูลมาตอบอีกครั้งเพื่อให้เราหมดข้อสงสัยในเรื่องนี้กัน ตอนที่หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้ไปเจอเวปไซต์หนึ่งที่ได้เขียนอธิบายและตอบเอาไว้อย่างดีมาก กวางเลยขอถือโอกาสสรุปออกมาเป็นข้อๆ เพื่อให้เราได้อ่านกันค่ะ (จากเวปไซต์นี้นะคะ https://www.arhantayoga.org/blog/yoga-and-period-practice-yoga-inversions-during-menstruation/(a.))
ยาวนิดนึงนะคะ แต่เพราะเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมานาน และคำตอบก็ไม่ใช่อย่างที่เคยตอบๆ กันมา เลยต้องให้รายละเอียดนิดนึงว่าทำไมค่ะ
1. ที่มาของความเชื่อว่าเมื่อเป็นประจำเดือน ผู้หญิงไม่ควรฝึกโยคะ
โยคะนั้นถือกำเนิดขึ้นในประเทศอินเดียเมื่อหลายพันปีก่อน และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอินเดียที่ผูกโยงอยู่กับความเชื่อหลายอย่างอย่างแนบแน่น หนึ่งในความเชื่อนั้นคือ ผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนจะถือว่าไม่บริสุทธิ์ อย่างเช่นผู้หญิงอินเดียเมื่อมีประจำเดือนจะถูกห้ามไม่ให้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรืออย่างในเนปาลก็มีวัฒนธรรมคล้ายๆ กัน เช่นกุมารี เด็กผู้หญิงที่เฝ้าศาสนสถานในเนปาล ก็จะพ้นออกจากตำแหน่งเมื่อมีประจำเดือนออกจากร่างกาย ซึ่งความเชื่อนี้ก็มีอิทธิพลมาถึงการฝึกโยคะ
จะเห็นว่าโยคะหลายสายมีการห้ามผู้หญิงเข้าร่วมในห้องฝึกโยคะในช่วงที่มีประจำเดือน (ซึ่งบางสายของโยคะอาจมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา) หรือบางที่ก็ห้ามให้ฝึกท่ากลับหัว เพราะมองว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ประจำเดือนไหลย้อนกลับและนำไปสู่การเกิดซีสต์ในมดลูกได้
2. ความสำคัญของประจำเดือน
ประจำเดือนคือสิ่งที่บ่งบอกสุขภาพฮอร์โมนของผู้หญิง ดังนั้นเมื่อประจำเดือนของเรามีความผิดปกติ เช่น มาบ้างไม่มาบ้าง มาบ่อยและไวเกินรอบเดือน (หากยังอยู่ในช่วง 21- 35 วันยังถือว่าเป็นปกติ)(b.) มาสั้นเกินไปหรือยาวเกินไป มาในปริมาณที่เยอะมากๆ หรือมีอาการป่วยมากๆ ช่วงที่เป็นประจำเดือน(c.) เหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงสภาพฮอร์โมนที่ไม่ปกติในร่างกายของเรา จึงควรงดการออกกำลังกายหนักๆ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยทันทีค่ะ
ในระยะสั้นอาการเหล่านี้อาจดูเป็นเหมือนเรื่องเล็กๆ แต่หากปล่อยไว้ไม่จัดการก็อาจนำไปสู่อาการหรือโรคภัยต่างๆ ที่ร้ายแรงขึ้นได้ค่ะ (อจ.ของกวางที่เป็นหมอเคยเล่าว่า การที่ประจำเดือนจะขาดได้ แสดงว่าสุขภาพภายในของเรามีปัญหามาเกินสามเดือนแล้ว จึงจะแสดงอาการออกมาในรูปแบบของภาวะขาดประจำเดือน)
นอกจากนี้ในช่วงที่มีประจำเดือนผู้หญิงหลายคนอาจจะมีอาการปวดท้องน้อย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อารมณ์แปรปรวนง่าย ซึ่งเราจะพบว่าการฝึกหายใจลึกยาว การฝึกสมาธิ รวมถึงการฝึกท่าโยคะเบาๆ ส่งผลดีต่ออาการเหล่านี้ และสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ด้วย
3. การฝึกโยคะช่วงมีประจำเดือนอันตรายต่อสุขภาพของผู้หญิงจริงหรือไม่?
ที่ผ่านมาความเชื่อเดิมเกี่ยวกับการฝึกโยคะในช่วงมีประจำเดือนคือ ถ้าเราฝึกโยคะในท่าที่สะโพกยกสูงเกินศีรษะ (ท่ากลับหัวต่างๆ) จะทำให้เกิดประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในอุ้งเชิงกราน (Retrograde Menstruation) แล้วนำไปสู่การเกิดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (ซึ่งช็อกโกแลตซีสต์ก็เป็นอาการแสดงหนึ่งของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่)(d.)
ดังนั้นหากอ้างอิงตามความเชื่อเดิม เพื่อให้ประจำเดือนของเรามาเป็นปกติและไม่ไหลย้อนกลับแล้ว เราทุกคนไม่ควรฝึกท่ากลับหัวที่สะโพกยกสูงเกินศีรษะในช่วงที่มีประจำเดือน
แต่ถ้ามองในมุมของวิทยาศาสตร์ จากผลการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ทำให้เราทราบว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่พบความเชื่อมโยงของการที่มดลูกกลับหัวในช่วงมีประจำเดือนว่าสามารถนำไปสู่การเกิดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ
“ความเชื่อว่าการฝึกท่ากลับหัวในระหว่างที่มีประจำเดือนแล้วทำให้เกิดซีสต์ในมดลูกนั้นไม่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์” และในมุมมองของการแพทย์ทฤษฎีนี้ก็ถูกปฏิเสธเช่นกันด้วย 2 เหตุผลคือ
3.1 ประจำเดือนไหลย้อนกลับ ไม่ได้นำไปสู่การเกิดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เสมอไป
ในปี 1984 มีแพทย์กลุ่มหนึ่งที่ต้องการยืนยันว่าอาการประจำเดือนไหลย้อนกลับนี้เกิดขึ้นได้เป็นปกติแค่ไหน จึงได้เก็บตัวอย่างของเหลวจากรอบอวัยวะอุ้งเชิงกรานของผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน พบว่ากว่า 90% ของกลุ่มตัวอย่างมีประจำเดือนปนอยู่ในของเหลวด้วย
หมายความว่าผู้หญิงเกือบทุกคนมีภาวะประจำเดือนไหลย้อนกลับในช่วงที่มีประจำเดือน แต่มีผู้หญิงเพียงแค่ 10% ที่พัฒนาต่อไปเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (e.)
ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าการที่ประจำเดือนไหลย้อนกลับนั้นนำไปสู่โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (ปัจจุบันเรายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แต่โดยทั่วไปเชื่อกันว่ามาจากปัจจัยด้านพันธุกรรมหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน)(a.)
3.2 การขับประจำเดือนนั้นเกิดจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก ไม่เกี่ยวกับทิศทางของการขับแต่อย่างใด
เพราะแม้แต่เลือดในร่างกายของเราเอง ก็มีทั้งการไหลลงและไหลขึ้นต้านแรงโน้มถ่วงตลอดทั่วทั้งร่างกาย โดยไม่เกี่ยวกับว่าเราจะกลับหัวอยู่หรือไม่ และแม้แต่คนที่นอนป่วยบนเตียงก็ยังสามารถขับปัสสาวะได้ หรือการที่เราสามารถกลืนอาหารได้แม้อยู่ในท่ากลับหัวก็ตาม
นอกจากนี้นักบินอวกาศที่อยู่ในพื้นที่ไร้แรงโน้มถ่วงและไม่มีทิศทางว่าขึ้นหรือลง ก็ยังเป็นประจำเดือนตามปกติเช่นกัน ซึ่งจากที่กล่าวมาทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าการฝึกโยคะในช่วงมีประจำเดือนนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของผู้หญิงแต่อย่างใด
4. ปลอดภัยหรือไม่ที่จะฝึกท่ากลับหัวในช่วงมีประจำเดือน?
ในโยคะเรามักจะได้ยินเสมอว่าร่างกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นในการฝึกโยคะการคอยสังเกตและฟังเสียงของร่างกายจึงสำคัญ และในกรณีนี้เองก็เช่นกัน
ส่วนตัวกวางถูกสอนมาว่าให้ลองฝึกท่ากลับหัวในช่วงมีประจำเดือนก่อนสักหนึ่งครั้ง ลองดู แล้วถ้าประจำเดือนของเราหยุดหรือมาน้อยลงคราวหน้าเราก็เว้นการฝึกท่ากลับหัวในช่วงมีประจำเดือนไป (หากฝึกแล้วประจำเดือนมาน้อยลง เราควรฝึกท่าแก้ตามไปด้วยคือ ท่าภัสสาสนะ)
แต่สำหรับบางคนที่เมื่อฝึกแล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร ประจำเดือนยังคงมาปกติดี หรือบางคนอาจจะมามากขึ้น หรือรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงปกติดีในช่วงที่มีประจำเดือนเราก็สามารถฝึกโยคะได้ปกติเลย
ทั้งนี้สำหรับคนที่มีอาการอ่อนเพลียมากหรือปวดท้องมากในช่วงที่มีประจำเดือน แนะนำว่าควรฝึกโยคะเบาๆ ท่าง่ายๆ ที่ช่วยลดการปวดประจำเดือนแทน หรืออาจจะงดเว้นการฝึกในช่วงนี้ไปก่อนก็แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน เน้นดูที่ร่างกายของเราเป็นหลักนะคะ
5. ประโยชน์ของการฝึกโยคะในช่วงมีประจำเดือน
การฝึกโยคะในช่วงมีประจำเดือนนั้นส่งผลดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้หญิง โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือนนั้นทั้งฮอร์โมนในร่างกาย และอารมณ์ของผู้หญิงนั้นแปรปรวนง่าย การฝึกโยคะในช่วงนี้จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน รวมถึงการหายใจลึกยาวแบบโยคะยังช่วยปรับอารมณ์ ความเครียด และความวิตกกังวลของเราได้ ช่วยให้เรานอนหลับสนิทมากขึ้น และการหลับมีคุณภาพที่ดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้แล้วการฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอยังส่งผลดีในการป้องกันโรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักอันหนึ่งของภาวะฮอร์โมนผิดปกติและภาวะมีบุตรยากอีกด้วยค่ะ
—
ตลอดสิบปีที่ฝึกโยคะมากวางก็ได้เห็นอาจารย์โยคะของตัวเองตอบคำถามเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งอาจารย์ก็มักจะยืนยันหนักแน่นอยู่เสมอว่า การฝึกโยคะกับการที่ประจำเดือนหยุดไหลนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน
เพราะการที่ประจำเดือนไหลหรือไม่ไหลนั้นอยู่ที่การบีบตัวของมดลูก ไม่ได้เกี่ยวกับการฝึกโยคะแต่อย่างไร (แต่เฉพาะท่ากลับหัวนั้นให้ลองฝึกดูก่อน เพราะร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อท่านั้นไม่เหมือนกัน)
ซึ่งโดยภูมิหลังของอาจารย์ที่เป็นหมอ ท่านก็คงจะทราบดีเกี่ยวกับข้อมูลการวิจัยข้างต้นนี้ แต่เนื่องจากเราเองก็ไม่เคยได้รับคำอธิบายที่ชัดเจน ที่ผ่านมาก็เลยยังคงสงสัยอยู่
และแม้แต่การฝึกปราณยมะเองอาจารย์ก็เคยบอกว่าสามารถฝึกได้ปกติแม้จะมีประจำเดือน เพราะปราณยมะคือการบริหารลมหายใจ และมีผลต่อปีกมดลูก รังไข่ และช่องท้องน้อยกว่าการฝึกอาสนะโยคะเสียอีก ต่อให้เป็นคลาสปราณยมะโดยเฉพาะที่ฝึกแต่ปราณยมะอย่างเดียวตลอด 1 ชั่วโมงก็สามารถฝึกได้ปกติเช่นกัน
ซึ่งการหาข้อมูลครั้งนี้ก็ช่วยให้กวางได้คำตอบที่ตัวเองก็สงสัยมานาน ทำให้เราเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น และคิดว่าหลังจากนี้ก็จะเลิกถามคำถามอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องประจำเดือนได้สักที (หลังจากถามไปแล้วอย่างน้อยสามครั้ง 555) แต่สำหรับพี่ๆ คนอื่นในคลาสที่ไม่เคยได้อ่านเรื่องนี้กวางก็เข้าใจได้ว่าทำไมเค้าจะยังสงสัยอยู่ ก็คงต้องปล่อยให้อาจารย์ได้ฝึกเมตตาบารมีในการตอบคำถามต่อไป แฮ่
ที่มา:
เวปไซต์ต้นทาง
(a.)
Yoga and Menstruation: Is it Safe to Practice Yoga During Menstruation?
(c.)
https://www.petcharavejhospital.com/en/Article/article_detail/Period-pain
(d.)
https://www.thonburihospital.com/Endometriosis.html
(e.)
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/6234483/
ฝากคลิปโยคะแก้ปวดประจำเดือนของกวางในยูทูปด้วยเลย ลองฝึกกันดูนะคะ