ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่แฟนเริ่มสนใจโยคะด้วยตัวเอง (ปกติต้องถึงขั้นเกือบจะบังคับให้ทำ) แต่ช่วงสองเดือนนี้อยู่ๆ เค้าก็มีความสนใจที่จะเริ่มฝึกคลาสที่ยาวขึ้นด้วยตัวเอง ฝึกเต็มชั่วโมงเลยนะคะ อิชั้นนำ้ตาจะไหล ทั้งในฐานะครูสอนโยคะและคนใกล้ชิดมีความรู้สึก.. ทั้งโล่งอกทั้งดีใจ เพราะอย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าอาการทางร่างกายหลายอย่างที่เค้าเป็นอยู่จะไม่แย่ไปกว่าเดิม และมีแต่จะดีขึ้นกว่าเดิมหลังจากนี้
บทความนี้เป็นบันทึกเกี่ยวกับโยคะของผู้ชายใกล้ตัวกวาง ที่มีนิสัยแบบผู้ชายทั่วไปที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะเริ่มสนใจสิ่งนั้นด้วยตัวเอง ถ้ามีโอกาสกวางก็ตั้งใจว่าจะชวนมาเขียนบ่อยๆ เพื่อแบ่งปันมุมมองของผู้ชายที่เริ่มจะสนใจโยคะมากขึ้น (อีกนิด) แม้ทุกวันนี้กวางจะยังนั่งฉงนอยู่ข้างๆ เวลาเค้าฝึกโยคะ แล้วคิดกับตัวเองว่า “เฮ้ย ท่านี้มันผิดแบบนี้ได้ด้วยหรอ ไปยังไงของเค้าวะเนี่ย???”
คูนเปิดโลกกวางทุกคลาสจริงๆ
——————
เริ่มจากท่าเดียว
ผมเป็นคนขี้เกียจ
ผมรู้ว่าถ้าตัวเองพยายามออกกำลังกายบ้าง ทำ stretching บ้าง มันก็น่าจะดีกับร่างกายที่แสนตึง แต่ก็ทำใจให้ออกกำลังกายเกินครั้งละ 10-15 นาทีไม่ได้สักที
ผมมีปัญหาร่างกายเหมือนคนยุคนี้ที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง เป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีตั้งแต่เด็ก ก็เลยนั่งหน้าคอมพิวเตอร์จนหลังขดหลังแข็ง นั่งติดจอมาเกือบ 20 ปีแล้ว
มันทำให้ร่างกายตึงแข็งไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะช่วง คอ บ่า หลังช่วงล่าง และไหล่ เป็นจุดที่ปวดเมื่อยได้ตลอด เพราะเราขยับร่างกายน้อยและอยู่ในท่าเดิมๆ ทั้งวัน สมดุลร่างกายแย่ทำให้บุคลิกเวลายืนและเดินดูไม่สวยไปด้วย แฟนจะคอยทักบ่อยๆ ให้ยืดคอ เพราะคนไหล่คอตึงมักจะยืนคองุ้ม ดูเหมือนคนหลังค่อม
ด้วยที่แฟนเป็นครูสอนโยคะและเป็นคนที่บุคลิกดีมาก และเราตัวเตี้ยกว่าแฟน การเป็นคนหลังค่อมเลยทำให้ผมยิ่งดูเตี้ยลง แฟนแนะนำว่าลองฝึกโยคะสักท่านึงดูมั้ย ท่าไม่ยากไม่ซับซ้อน ขอให้ทำแค่วันละ 10-15 นาทีก็พอ จะช่วยทำให้อาการปวดเมื่อยดีขึ้นนะ ทำให้สดชื่นขึ้นด้วย
เวลาเรานึกถึงคำว่าการฝึกโยคะ ภาพในใจเรามักจะเป็นการทำท่าอาสนะยากๆ ดูต้องเป็นคนที่ร่างกายยืดหยุ่น และแข็งแรงมากๆ ถึงจะทำได้ เวลาเข้าไปในคลาสฝึกก็จะเห็นแต่คนที่ทำท่ายากได้ในขณะที่ตัวผมเองก้มเอามือแตะปลายเท้ายังไม่ได้เลย
ท่าโยคะที่ว่านี้เรียกว่าท่าไหว้พระอาทิตย์หรือสุริยนมัสการ เป็นท่าพื้นฐานสำหรับการฝึกโยคะในทุกๆ รูปแบบเลย
ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร อีกอย่างอาการปวดเมื่อยตึงนี้มันก็ทรมานเหมือนกัน ผมเลยลองฝึกโยคะอยู่ท่าเดียว คือท่าไหว้พระอาทิตย์ ทำครบหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณนาทีกว่า วันนึงก็จะตื่นมาทำตอนเช้าประมาณ 6 รอบ ก็ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที และทำแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว
จริงๆ ก็ไม่ได้ทำได้ทุกวัน แต่วันไหนนึกได้หรือรู้สึกตัวตึงมากๆ ก็จะบังคับตัวเองให้ทำ โยคะของผมมีเพียงเท่านี้ ท่าเดียวสั้นๆ
ครั้งแรกที่ผมลองทำท่าไหว้พระอาทิตย์ จำได้ว่าขยับตัวลำบากมาก ท่านี้มีทั้งจังหวะก้ม เหยียด ย่อ แอ่น ยืด ใช้ทั้งแขน ขา ลำตัว ช่วงหลังขาและสะโพกผมจะตึงเป็นพิเศษเพราะนั่งเยอะ พอเห็นแฟนที่ฝึกอยู่ข้างๆ เข้าท่าแต่ละจังหวะ ก็เห็นความต่างว่าตัวเรามี range of motion (ระยะการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ) ที่น้อยมากเมื่อเทียบกับเค้า นี่แสดงว่ากล้ามเนื้อแข็งตึงไปทั้งตัวจริงๆ เพราะงั้นถึงจะฝึกแค่ 10-15 นาทีก็เป็นเรื่องยากแล้ว
แต่มีอย่างหนึ่งครับ คือทุกครั้งที่ทำเสร็จ ร่างกายจะรู้สึกเบา ขยับตัวคล่องขึ้น หายใจโล่งขึ้น ถ้าเคยไปนวดแผนไทยก็จะเป็นความรู้สึกแบบนั้นเลย คือโล่งเบาสบาย นี่ขนาดทำแค่ท่าเดียว
ก็เลยเป็นเหตุผลให้พยายามทำต่อเนื่อง ถึงจะไม่ได้ทำทุกวัน แต่สัปดาห์นึงก็หลายครั้ง พอได้ทำต่อเนื่องมาหลายปี (ซึ่งโยคะของผมก็ยังมีอยู่แค่ท่าเดียวเหมือนเดิม) ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง บุคลิกเราดีขึ้น ยืนให้คอตั้งตรงง่ายขึ้น และขยับตัวได้คล่องแคล่ว เพราะความตึงต่างๆ ทั่วร่างกายมันลดลง ถึงแม้เราจะยังใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิมมาก ยังนั่งทำงานวันละหลายชั่วโมงเหมือนเดิม
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าร่างกายที่ดีขึ้น คือผมสัมผัสถึงร่างกายของตัวเองได้ละเอียดกว่าเดิม เพราะเราทำท่าซ้ำๆ อยู่ไม่กี่ท่า เป็นท่าที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ได้ค่อยๆ สังเกตว่าในแต่ละจังหวะของท่าร่างกายเราตอบสนองแบบไหน ขยับได้เยอะขึ้นไหม เราเซนส์ร่างกายตัวเองได้ดีขึ้น ผมเริ่มมองเห็นว่าส่วนไหนของร่างกายเริ่มตึงจนจะเป็นปัญหาได้ดีกว่าแต่ก่อน ที่กว่าจะรู้สึกตัวว่าตึง มันก็ถึงขั้นที่ตึงมากจนขยับตัวได้ลำบากแล้ว
ผมกลับมานั่งทบทวนดู สิ่งที่ผมทำต่อเนื่องมานี่ก็อย่าเรียกว่าการฝึกโยคะเลย เทียบไม่ได้กับคนที่ตั้งใจฝึกจริงจัง แค่เราทำชุดท่าๆ นึงจากวิชาโยคะ แต่ทำอย่างต่อเนื่องและหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวเอง
ผมเริ่มฝึกท่าไหว้พระอาทิตย์แบบไม่ได้มีความมุ่งหวังว่าเราจะเล่นโยคะเป็นจนเก่งหรือจะต้องทำท่ายากๆ เป็น แค่ลองดูแล้วพบว่ามันมีประโยชน์กับร่างกาย และไม่ได้ใช้เวลาอะไรมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำท่าโยคะท่าเดียวนั้นมันมากกว่าที่คิดไว้จริงๆ
คุณริชาร์ด ฟรีแมนได้เขียนไว้ในบทนำของหนังสือ The Mirror of Yoga ว่า “ก่อนเราจะเริ่มฝึกโยคะ เราต้องเริ่มจากเราที่เป็นเราตอนนี้จริงๆ”
“แก่นของโยคะคือการที่เราได้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง ยอมรับมัน และไม่หลอกตัวเองว่าเราดีกว่าที่เราเป็นอยู่”
ผมก้มเอามือแตะปลายเท้าไม่ได้ ผมยืนขาเดียวอย่างมั่นคงไม่ได้ การเริ่มจากจุดที่ร่างกายเป็นลบ มันทำให้ผมเห็นว่าทุกสิ่งที่เราจะฝึกต่อจากนี้ มีแต่จะทำให้ร่างกายดีขึ้น
คุณฟรีแมนกล่าวทิ้งท้ายว่า โยคะคืออิสระภาพจากความกลัวการไม่รู้จักตัวเราเอง
ผ่านมาห้าปี ท่าโยคะท่าเดียวนี้ยังสอนให้ผมได้รู้จักตัวเองมากขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ฝึก
เพียงท่าๆ เดียวแต่กลับมีอะไรให้เราได้เรียนรู้อย่างไม่รู้จบ
ใส่ความเห็น