จริงๆ หลักๆ เลยคือญี่ปุ่นช่วงนี้มีซัมเมอร์เซลล์ค่ะ ヽ(*´∀`) ด้วยว่าเคยอยู่ที่ญี่ปุ่นมาระยะนึงก็พอจะรู้ว่าเวลาที่ฤดูกาลของเค้าเปลี่ยนเนี่ย เสื้อผ้าที่เค้าใส่ก็เปลี่ยนแบบแทบจะโละตู้กันเลยทีเดียว อย่างวันนี้เป็นหน้าร้อน พอพรุ่งนี้ประกาศว่าเข้าฤดูใบไม้ร่วง เพื่อนคุณก็จะพลิกการแต่งตัวแบบหยิบเสื้อผ้ามาจากคนละตู้กันอย่างชัดเจน
ดังนั้นเวลาที่เราไปช้อปปิ้ง ถ้าเราไปฤดูไหนเราก็จะได้เสื้อผ้าของฤดูนั้นๆ มา แล้วฤดูเดียวของญี่ปุ่นที่เอาเสื้อผ้ากลับมาใส่ที่ไทยได้ก็คือฤดูร้อนค่ะ และนั่นคือเหตุผลของการไปญี่ปุ่นช่วงนี้ของกวาง
ซัมเมอร์เซลล์ปกติจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งนอกจากจะเป็นช่วงที่เหมาะกับการช้อปปิ้งแล้ว ยังเป็นช่วงที่ดอกอะจิไซหรือดอกไฮเดรนเยียบานด้วย (นิยมไปดูกันที่นิกโก)
ทริปนี้นอกจากช้อปปิ้งแล้ว ความตั้งใจอีกอย่างคือการไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่คารุอิซาวะสักวันสองวันด้วย เมืองนี้เป็นเมืองที่นายเก่าชาวญี่ปุ่นของกวางเคยแนะนำ คิดว่ากวางน่าจะชอบให้ลองไปดูสักครั้ง แล้วนี่ก็เป็นครั้งที่สองของกวางที่ไปที่นี่
คราวแรกที่มายังเด็กมากแล้วก็ไม่ค่อยได้หาข้อมูล ไปถึงก็แค่ปั่นจักรยานท่ามกลางป่าเขียว แช่น้ำพุร้อน นอนแอ้งแม้งในโรงแรมแล้วกลับ แต่รอบนี้หาข้อมูลไปดี เลยได้รู้ว่าที่คารุอิซาวะมี Outlet ที่ใหญ่มากๆ อยู่ (Outlet ดีๆ ใกล้ๆ โตเกียวมีหลายที่ แต่กวางตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาพักผ่อน โชคดีว่า Outlet ที่นี่ก็มีของสวยๆ เยอะมากเหมือนกัน)
ที่ Outlet นอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมแพงๆ แล้ว ยังมีแบรนด์ของญี่ปุ่นแบบทั้งถูกทั้งแพงให้เลือกช้อปเยอะมาก หลายแบรนด์ดังๆ ก็ผลิตสินค้าสำหรับเอามาขายใน Outlet โดยเฉพาะทำให้ได้ของดีในราคาที่จับต้องได้มาพอสมควร
นอกจากจะมีเสื้อผ้าแฟชั่นแล้ว ยังมีสินค้าสำหรับนักเดินป่าอีกหลายร้านมากๆ (จริงๆ เดินไม่ครบ เพราะใหญ่เกิน) คราวหน้าเลยตั้งใจว่าจะไปเดินป่าที่ญี่ปุ่นแบบไปช้อปของเดินป่าก่อนแล้วค่อยไปเดิน เพราะสินค้าราคาเดียวกันที่ญี่ปุ่นคุณภาพดีกว่าของที่ขายในไทยหลายอย่าง
นอกเหนือจาก Outlet ใหญ่ยักษ์แล้วที่คารุอิซาวะยังเป็นเมืองพักตากอากาศของคนมีตังค์ในญี่ปุ่น มีบ้านสวยๆ เต็มไปหมด และทั้งเมืองถูกล้อมด้วยเทือกเขาเขียวๆ ทำให้อากาศสดชื่นมาก ปั่นจักรยานท่ามกลางป่าสีเขียวครึ้มก็ฟินสุดๆ เสียดายว่าปีนี้อากาศที่ญี่ปุ่นร้อนค่อนข้างไว ทำให้ช่วงที่ไปดอกอะจิไซร่วงหมดแล้ว และอากาศก็เริ่มร้อนมากๆ แล้ว
โดยปกติดอกอะจิไซจะบานถึงช่วงวันทานาบาตะคือ 7 กรกฎาคม และที่คารุอิซาวะช่วงปลายเดือนมิถุนายนก็จะยังเย็นๆ อยู่ ทำให้ที่นี่ยังมีโอเด้งขายในร้านสะดวกซื้อ ทั้งที่ส่วนอื่นของประเทศพอเข้าหน้าร้อนแล้วโอเด้งก็ถูกเก็บออกไป แต่ปีนี้เพราะร้อนไวมากก็เลยไม่มีโอเด้งขายแล้วค่ะ 🍢
ไปช้อปปิ้งนอกเมืองก็สนุก พอกลับมาช้อปในเมืองยิ่งสนุกใหญ่ ไปทางไหนๆ ก็มีแต่ของเซลล์ รอบนี้หาข้อมูลไปดี ถามเพื่อนๆ ที่ใส่เสื้อผ้าแนวเดียวกันก็แนะนำว่าให้ไปย่านจิยูงาโอกะ เพราะมีร้านค้าที่เป็นแบรนด์เดี่ยวๆ เยอะ (ไม่ใช่แบรนด์ดัง) กับยูระคุโจซึ่งกว้างมากเดินทะลุไปถึงสถานีกินซ่าได้เลย แล้ววันสุดท้ายก็ไปอยู่ที่สถานีโตเกียวช้อปวนอยู่ในห้างรอบๆ สถานี
จริงๆ หลายปีมานี้เสื้อผ้าในญี่ปุ่นค่อนข้างจะจำเจคือเหมือนว่าความหลากหลายของเสื้อผ้าลดลง แอบคิดว่าคงเพราะแบรนด์เล็กๆ อยู่ไม่ค่อยได้ ทำให้ต้องใช้ความพยายามในการเดินเสาะหาเสื้อผ้ากันนิดนึง (เป็นคนเรื่องมาก) เลยกลายเป็นทริปที่ทดสอบความอึดเพราะเดินเฉลี่ยวันละสิบกว่ากิโล
อาหารการกินก็อย่างที่รู้ๆ กัน คือฟินสุดๆ ที่คารุอิซาวะร้านที่อยู่ใน Outlet อาหารอร่อยเยอะมาก ขนาดในฟู้ดคอร์ทเลือกร้านไหนก็ไม่ผิดหวัง เพราะคาดว่าคงคัดของเด็ดๆ มาแล้ว ร้านในเมืองรอบนี้ก็ไม่รู้ทำไมกินอร่อยทุกร้านแบบน่าแปลกใจ ราคาก็ไม่แพง สงสัยจะจิ้มถูกเมนู
แล้วที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือเดี๋ยวนี้พอเลือกไปแถวไหนกินอะไรก็ดูจะมีแต่คนสูงวัย ไม่ค่อยมีเด็กวัยรุ่นในย่านเดียวกันหรือร้านเดียวกันเท่าไหร่ ก็เลยพอรู้ว่าอ๋อ สงสัยรสนิยมเราจะค่อนข้างสูงวัยกว่าอายุ ก็ดีเหมือนกันเพราะถูกใจทั้งกินเที่ยวช้อปเลย แก่ก็แก่สิ ใครจะแคร์
ใครที่ไม่ชอบอากาศร้อนอาจจะไม่เหมาะกับการเที่ยวช่วงนี้ แต่ถ้าใครสนใจที่จะช้อปปิ้งก็แนะนำเลยค่ะ
ปล. มีไปลองกิจกรรมใหม่กับเพื่อนคนญี่ปุ่น คือนัดกันไปปิกนิกในสวนอุเอโนะตอนเย็นด้วย อากาศกำลังสบาย ลมดีมาก ติดใจเลยละค่ะ 🍃











