เหตุผลที่จัดทัวร์ศาสนาพุทธเข้าไปด้วยเพราะเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ไปเที่ยวบ้านเพื่อน อยู่ๆ ก็โดนถามว่าเธอรู้จักคอร์สโกเอนก้ามั้ย เล่นเอาสะดุ้งเลยเพราะไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับศาสนาพุทธหรือการปฏิบัติให้เพื่อนฟัง และไม่เคยคิดว่าเพื่อนจะสนใจ เพื่อนก็บอกว่าเพื่อนไปเข้าคอร์สมาแล้วครั้งนึงนะ แล้วก็มีแต่คนถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า แนวๆ ว่ามีปัญหาทางจิตอะไรมั้ย หืม คนไทยงงแป๊บ
เพื่อนก็เล่าต่อว่าที่ญี่ปุ่นเมื่อหลายปีมากๆ แล้วเคยมีพวกลัทธิที่ปล่อยแก๊สพิษฆ่าคนตาย เลยมีส่วนทำให้อะไรที่เกี่ยวกับศาสนาและลัทธิในญี่ปุ่นถูกมองในแง่ไม่ค่อยดี มีเพื่อนญี่ปุ่นกวางหลายคนเหมือนกันที่พูดเลยว่าตัวเองไม่มีศาสนา
คือสำหรับกวางก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าศาสนาพุทธในความคิดของเราเป็นศาสนารึเปล่า แต่ส่วนตัวชอบในธรรมเนียมการปฏิบัติที่เกื้อกูลกันของโยมกับพระสายวัดป่า ศรัทธาในพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระวินัย ศรัทธาในการปฏิบัติภาวนาว่ามีประโยชน์และช่วยพัฒนาให้เราเป็นมนุษย์ที่เจริญขึ้นได้จริง แล้วนั่นก็คือสิ่งที่อยากพาเพื่อนไปดู เค้าจะได้รู้ว่าเค้าไม่แปลกนะที่สนใจเรื่องการภาวนา
ทริปก็เลยไปจบที่วัดป่ารัตนวัน อำเภอวังน้ำเขียว พาเพื่อนไปนอนรีสอร์ทใกล้วัดหนึ่งคืน และตื่นเช้าเพื่อไปตักบาตรที่วัด พาฟังธรรม และทานอาหารที่วัดด้วย ตอนแรกที่เลือกวัดนี้เพราะรู้ว่าที่วัดนี้พระท่านเทศน์เป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ตอนที่เราไปเราไม่กล้าออกตัวว่าเพื่อนเป็นชาวต่างชาติเพราะเกรงใจคนไทยที่มาฟังเทศน์คนอื่นๆ แถมจับเพื่อนใส่ผ้าถุงด้วยคนเลยนึกว่าเราสองคนมาจากประเทศลาว ฮาาาา
แต่แค่เพื่อนได้เห็นบรรยากาศที่สงบร่มเย็นของวัด เห็นวัฒนธรรมของนักปฏิบัติในไทย เห็นพระที่สำรวมและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อนก็รู้สึกเปิดหูเปิดตามาก จนสนใจเรื่องการปฏิบัติจริงจังกระทั่งขอให้เราส่งรายชื่อหนังสือที่เกี่ยวกับการภาวนาให้
ทริปนี้ในฐานะคนไทยกวางเองก็ได้เปิดหูเปิดตามากเหมือนกัน เพราะในขณะที่พยายามจะอธิบายให้เพื่อนฟังว่าจะเริ่มต้นการปฏิบัติยังไง หาข้อมูลจากไหนได้บ้างเราก็ได้ค้นพบว่าเราโชคดีแค่ไหนที่เกิดเป็นคนไทย เพราะในเมืองไทยมีครูบาอาจารย์ดีๆ เยอะมาก มีทางเข้าหลายทางมากๆ สำหรับคนที่สนใจเรื่องการภาวนา เรียกว่าตอบทุกจริตที่มีในโลกได้เลย
แต่พอต้องหาสิ่งเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น ตัวเลือกมันลดลงจนเราก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงเลย ทำได้ดีที่สุดคือส่งเวปไซต์วัดป่าอมราวดี ที่ประเทศอังกฤษให้เพื่อนไป เพราะเค้ามีอีบุ๊คและไฟล์เสียงเกี่ยวกับการปฏิบัติให้ดาวน์โหลดฟรีเต็มเลย อย่างน้อยก็อาจจะพอเป็นแนวทางได้บ้าง
แล้วมาคราวนี้เพื่อนเองก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราหลายอย่างเหมือนกัน อย่างเรื่องการลดเนื้อสัตว์ เพื่อนคนนี้เคยไปเที่ยวโฮมสเตย์แบบทำงานไปด้วยที่บาหลีเดือนนึง แล้วเค้าเล่าว่าเค้าได้นอนใกล้ๆ เล้าหมู ก็กินนอนอยู่ที่นั่น เดินผ่านเห็นหมูตัวนี้ทุกวันๆ จนวันนึงหัวหมูตัวนี้มันไปวางอยู่บนโต๊ะอาหาร เพื่อนก็ช็อกมากตั้งแต่นั้นก็เลยกลายเป็นมังเขี่ย คือ ไม่มังสวิรัติจ๋า ยังกินอาหารทะเลและไข่ได้ แต่ไม่ทานเนื้อหมู ไก่ และเนื้อวัว
วันที่นอนรีสอร์ทด้วยกันกวางก็ลืมสนิทว่าเพื่อนไม่กินหมูก็สั่งข้าวต้มหมูมาจ้าา แล้วที่ประทับใจมากคือ กินกันเสร็จหมดแล้วเราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอ้าว เพื่อนไม่กินหมูนี่หว่า หันไปดูจานเพื่อน มันเขี่ยๆ หมูออกไว้ข้างๆ แล้วไม่ทักหรือไม่พูดบ่นเราสักคำว่าชั้นไม่กินหมูนะ คือทำตัวอยู่ง่ายมากกก เลยคิดได้ว่าเออ ถ้าเราจะลดเนื้อหรือเป็นมังเราจะเป็นมังแบบนี้แหละคือไม่สร้างเงื่อนไขมากเกินไปจนอยู่ร่วมกับคนอื่นยาก
เกือบสิบวันที่ผ่านมาเลยลองลดเนื้อสัตว์ใหญ่ลง กินแต่ปลากุ้งไข่ หมูไก่นิดหน่อย ก็รู้สึกเบาท้องและเบาใจขึ้นเยอะ คือถ้าไม่เข้มงวดกับตัวเองมากเกินไปมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่เคยคิดนะ ก็ดูไปว่าจะได้สักกี่น้ำ 555
แต่ก็อยากลองดูเพราะอาจารย์กวางเองก็เคยให้แนวคิดเรื่องการลดเนื้อสัตว์ใหญ่มาเหมือนกันว่า ส่วนตัวท่านไม่แนะนำให้กินมัง เพราะคนกินมังผิวใสและยืดหยุ่นจริงแต่ผิวขาดความแข็งแรง เพราะโครงสร้างของผิวที่ทำให้แข็งแรงได้มาจากโปรตีนที่มาจากสัตว์ (รวมถึงโครงสร้างของอวัยวะภายในร่างกายด้วย) ทำให้ในระยะยาวอาจส่งผลไม่ดีกับร่างกายได้
อย่างน้อยที่สุดก็ควรกินไข่ และท่านว่าถ้าจะลดจริงๆ ก็ให้เปลี่ยนมากินโปรตีนจากสัตว์ที่มีวงจรชีวิตสั้นแทน เช่น ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งฝอย ดักแด้ แมลงทั้งหลาย เพราะปลอดภัยกับร่างกายและเบียดเบียนน้อยกว่าการกินสัตว์ใหญ่เยอะ
ก็ถือว่าเป็นสองสามวันที่หนีเที่ยวอย่างมีความสุข ได้พฤติกรรมดีๆ ใหม่ๆ มาลองฝึก และอิ่มอกอิ่มใจว่าได้ทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนที่ดี คือพาคนเข้าลัทธิมาได้อีกหนึ่งคน 555
ใส่ความเห็น