คีตะลีลา

หนึ่งในชุดฝึกที่ชอบมากที่สุดคือชุดฝึกคีตะลีลา อันประกอบไปด้วยรองเท้าเต้นแจ๊ซ(เท่านั้น!) เพราะสามารถหักพับครึ่งได้ ทำให้เอาเท้าเกาะราวห้อยหัวได้สะดวกปลอดภัย ถุงมือเพื่อใช้จับราวให้แน่นเพราะบางทีชีวิตก็ต้องแขวนอยู่บนมือข้างเดียว และเนื่องจากอุปกรณ์พวกนี้ไม่ค่อยมีสีอื่นให้เลือก ฝึกไปฝึกมาชุดทุกคนก็จะเริ่มกลายเป็นสีดำ เป็นชุดฝึกที่ดูเท่มากในสายตากวาง แสดงถึงความแก่กล้าในวิชา(และวัยวุฒิ อุ๊ปส์)

คีตะลีลาเป็นวิชาของกุมารี กุมารีคือผู้หญิงที่เฝ้าศาสนสถานในเนปาล* จะถูกคัดเลือกมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ต้องผ่านการทดสอบที่เข้มงวด และจะใช้ชีวิตกึ่งเทพคือมีแต่คนกราบไหว้บูชา ชีวิตนี้เท้าไม่เคยสัมผัสดิน คือห้ามสัมผัสจริงๆ และจำเป็นต้องใส่รองเท้าตลอดเวลา

กุมารีจะคงอยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะมีเลือดออกจากร่างกาย จึงจะหลุดพ้นจากความเป็นกุมารี ไม่ว่าจะฟันหลุด มีแผล หรือเป็นประจำเดือน เมื่อนั้นกุมารีก็จะเหมือนนางฟ้าตกสวรรค์ จากที่มีคนกราบไหว้ต้องกลายไปเป็นโสเภณีก็มี บางคนรับไม่ได้ฆ่าตัวตายก็มี

วิชาที่ถูกถ่ายทอดกันเฉพาะในหมู่กุมารีมีสองวิชา คือคีตะลีลาและกัลยลีลา** คีตะลีลาจะช่วยเรื่องความยืดหยุ่น สร้างความแข็งแรงให้ข้อต่อและกล้ามเนื้อหลายส่วน หลายๆท่าต้องใช้กล้ามเนื้อในองศาที่ไม่ค่อยได้ใช้ ทั้งยังใช้สมาธิมากเพราะถ้าพลาดหรือเผลอหย่อนกล้ามเนื้อบางท่านี่มีฉีกได้เลย จำเป็นต้องเกร็งกล้ามเนื้อรัดข้อต่อไว้ตลอด แต่บางท่าก็ห้ามเกร็งไม่งั้นก็ฉีกเหมือนกัน แถมบางท่าถ้าฝืนห้อยโหนเกินกำลังตกลงมามีจุกได้เพราะราวสูงพอตัว สติสมาธิต้องพร้อมตลอด ทำให้เป็นวิชาที่ถูกจำกัดไว้เฉพาะโยคาจารย์ของศูนย์เท่านั้น ถ้าหยุดไปนานๆแล้วกลับมาฝึกนี่มีพังเพราะใช้แรงกล้ามเนื้อเยอะทีเดียว โดยเฉพาะหลังช่วงบน สะบัก และไหล่

กัลยลีลาเป็นวิชาที่ช่วยจัดโครงสร้างร่างกาย ใส่รองเท้าเล่นเหมือนกัน แต่ไม่ใส่ถุงมือ เป็นท่ายืนซะเยอะ เน้นจัดกระดูกเรียกว่าบิดขัดกันทั้งตัว ฝึกเสร็จนี่เมื่อยไปหมด หลายๆครั้งอาจารย์ก็มีแทรกท่าวอร์มบัลเล่ต์เข้ามา โดยเฉพาะท่าดัดขาซึ่งเมื่อยมากๆ

ทั้งสองวิชาถ้าไม่ใช่คนที่อินกับโยคะสไตล์ดั้งเดิมจริงๆคงเห็นว่าเป็นคลาสที่น่าเบื่อและทรมานเอาเรื่อง เพราะใช้ทั้งสมาธิและความอดทนยาวนานกว่าที่ร่างกายจะยืดหยุ่นและแข็งแรงพอ และกว่ากระดูก(โครงสร้าง)จะดัดได้อย่างใจ

วิชาพวกนี้อาจารย์มีโอกาสได้เรียนมาจากกุมารีท่านนึง อาจารย์เล่าว่าท่านเป็นครูที่สอนกุมารีทุกคน อายุหกสิบกว่าแต่หน้าเหมือนเด็กสาว และตลอดชีวิตยังไม่เคยมีเลือดออก(!) และจริงๆเค้าไม่ได้ให้สอนคนทั่วไป แต่แกก็ไปเสาะหาจนได้มา ทำให้พวกเราได้มีโอกาสสัมผัสส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเนปาลที่แสนลึกลับ รู้สึกดีใจที่ได้เรียนเพราะชอบมากและมันมาก นี่เรียนถึงแม่สามยังว่ายาก แม่เก้าคืออะไรชาติไหนจะได้เรียน(ชาตินี้ไม่น่าทัน)

วิชาส่วนใหญ่ที่อาจารย์สอนจะกึ่งๆว่าเป็นหนึ่งลมหายใจหนึ่งการเคลื่อนไหว(one breath, one movement)รวมทั้งสองวิชานี้ด้วย คือจะไม่เน้นค้างท่านานแต่ให้ฝึกหายใจยาวแทน ทำให้มีความต่อเนื่องของท่าจนเหมือนกับว่าเรากำลังร่ายรำ เรียนหลายๆคลาสหลายๆรูปแบบเข้ากวางก็ค้นพบตัวเองว่าชอบคลาสกึ่งโยคะกึ่งเคลื่อนไหวแบบอ่อนช้อย เพราะกล้ามเนื้อรู้สึกเป็นอิสระในการที่จะเคลื่อนไหวทดลององศาใหม่ๆและจิตใจก็เป็นอิสระจากการเกร็งฝืน เป็นความแข็งแกร่งท่ามกลางความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นท่าแข็งแรงแค่ไหนถ้าเพียงได้ขยับสักนิดก็เหมือนจิตใจได้รับการปลดปล่อย ค่อยๆคลำไปละนะหนทางอีกยาว ช้าได้แต่ไม่หยุดเดิน #lengthenandrelax #นิทานปรัมปรา #ผู้ใหญ่เล่ามาเราก็ฟังไว้

*ตอนแรกจำผิดเป็นอินเดีย

**มีบันยันกะโยคะอีกอัน(โยคะเก้าอี้)


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *